Wolfenstein ถือเป็นซีรีส์ที่มาไกลกว่าจะเป็นแค่เกมที่เน้นความมันส์ เพียงวิ่งยิงหัว และฆ่าเหล่ากองทัพทหารนาซีเพียงอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ตัวเกมออกมาให้เล่นกันแล้วถึง 2 ภาคและ Wolfenstein: Youngblood ก็เป็นภาคแยกเสริมเรื่องราวของ Wolfenstein 2 อีกที โดย Wolfenstein เป็นเกมที่ทำการเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลกใหม่ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้านาซีชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลก ? สิ่งที่ตัวซีรีส์นี้แสดงให้เห็น คือโลกที่เปลี่ยนแปลงไป และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เหล่าพลพักนาซีสร้างออกมา ผ่านมุมมองของตัวละครตระกูล Blazkowicz
เกี่ยวกับตัวเกม
Wolfenstein: Youngblood เป็นเกมภาคต่อจาก Wolfenstein II: The New Colossus ซึ่งเปลี่ยนจากการที่เราได้เล่นเป็น BJ Blazkowicz พระเอกของตัวซีรีส์ มาเป็นลูกสาวฝาแฝด 2 ศรีพี่น้องแทน โดยเป็นเรื่องราวต่อมาอีก 19 ปี เมื่อ BJ Blazkowicz แกนนำผู้ต่อต้านนาซีได้หายตัวไปในระหว่างภารกิจที่กรุงปารีส ซึ่งนาซีได้สถาปนาเป็น อาณาจักรไรช์ใหม่ และดูเหมือนจะทำอะไรบางอย่างเพื่อสั่นคลอนโลกอีกครั้ง ทาง FBI จึงต้องหาใครมาทำภารกิจต่อ และหน้าที่นั้นจึงตกเป็นของลูกสาวฝาแฝดอย่าง Jess และ Soph ซึ่งถูกฝึกมาอย่างดีโดยพ่อ และแม่ของพวกเธอเอง

“เกมที่ออกแบบมาเพื่อการ Co-op โดยเฉพาะ”
ความพิเศษนี้ที่แตกต่างจาก Wolfenstein ภาคอื่นๆ นั่นก็คือตัวเกมถูกออกแบบมาให้เล่นกันแบบ Co-op ร่วมมือกันโดยเฉพาะรองรับการเล่นพร้อมกัน 2 คน คนหนึ่งเป็น Jess และอีกคนเป็น Soph แต่แน่นอนว่าตัวเกมก็ไม่ได้โหดถึงขนาดต้องหาคนมาเล่นด้วยกันจริงๆ เพราะถ้าเราไม่มีเพื่อนเล่นด้วย ตัวเกมก็มี AI เผื่อไว้ให้เราได้ใช้งาน และด้วยความเป็น Co-op ตัวเกมจึงมีความยากขึ้น และเสริมลูกเล่นที่ต้องเล่นผสานกันระหว่างผู้เล่นทั้ง 2 คนเพิ่มเข้ามา
ตัวเกมมีอาวุธที่ต้องให้เราใช้ หรือยิงพร้อมกันอยู่ และมีโอกาสพลาดเรื่องการซ่อนตัวมากขึ้น โดยเฉพาะถ้าพี่น้องของเราอีกคนดันเป็น AI ทั้งนี้ตัวละคร 2 ตัวจะมีการแชร์ชีวิตร่วมกันอยู่

“ระบบการต่อสู้หลากหลาย เก่า แต่ล้ำสมัย”
ความพิเศษของระบบการต่อสู้ใน Wolfenstein: Youngblood คือความหลากหลาย และความล้ำยุค ด้วยความที่ตัวละครของเราไม่ได้มาเปล่าๆ แต่มาพร้อมกับชุดเกราะล้ำสมัย ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายของเราให้มีความสามารถเหนือมนุษย์ได้ เช่น การกระโดดแบบต่อเนื่องได้ 2 ครั้ง รวมไปถึงความสามารถในการฆ่าต่างๆ ที่ไม่ได้มีแค่เอาปืนยิงเพียงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถย่องเข้าไปเชือดศัตรูจากด้านหลัง การเขวี้ยงอาวุธ และใช้อาวุธอีกหลากหลายประเภทในการจัดการศัตรู
อาวุธของเราสามารถอัปเกรดได้ โดยสามารถปรับแต่งอาวุธของเราในรูปแบบที่ต้องการ ซึ่งทำได้หลากหลายมาก นอกจากนี้ตัวละครยังสามารถอัปเกรดความสามารถต่างๆ ทำให้เก่งและถึกมากขึ้นได้ดีกว่าเดิม โดยจะแบ่งความสามารถออกเป็น 3 สาย คือ Mind, Muscle และ Power สายนึงมีหลายสกิลให้เลือกอัป และสกิลสามารถแบ่งออกได้อีก 3 ระดับ

“ศัตรูหลากหลาย อาวุธต้องเป๊ะ”
ในเกมเราจะได้เจอกับศัตรูที่หลากหลายโดยศัตรูแต่ละแบบนอกจากจะมีความสามารถต่างกันแล้ว ความอึดถึกก็มีไม่เท่ากัน และศัตรูบางตัวยังจำเป็นต้องใช้วิธีเฉพาะในการจัดการโดยเฉพาะอาวุธ หากเราเลือกมาได้ไม่เหมาะกับศัตรูที่ต้องสู้ด้วย เราก็จะยิ่งจัดการศัตรูตัวนั้นๆ ได้ยากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้โดยรวมแล้วตัวเกมค่อนข้างโหดใช่เล่น (เพราะบังคับเล่น 2 คนเป็นหลัก) โดยเฉพาะบอส ที่แสดงให้เห็นเลยว่า การเดินยิงประจัญหน้านั้นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีแต่อย่างใด
ตัวเกมเป็นกึ่งๆ Open World มีเควสให้ทำรายทาง สามารถเก็บเลเวล และนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงสกิลได้
“เกมเปลี่ยนไป อาจถูกใจบางคน และไม่ถูกใจอีกหลายคน”



[…] อ่านรีวิวเกม Wolfenstein: Youngblood โดยทีมงาน Gamernia ได้ที่นี่ : [คลิก] […]